หนังสือชุดทะเลคือชีวิตของเรา เล่ม 1


กว่าจะเป็นสวนกง...ที่สมบูรณ์

 

บ้านสวนกง เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ในตำบลนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งอยู่ติดกับชายฝั่งทะเลอ่าวไทย มีทรายชายหาดที่ขาวเนียน ละเอียดและสะอาด สวยงามทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ชาวบ้านนอกจากทำประมงเป็นอาชีพหลักแล้ว ยังทำการเกษตรเช่นปลูกแตงโม ทำสวนมะพร้าว ปลูกผัก เลี้ยงแพะ เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นๆที่อยู่ริมชายหาด

    

การมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและสอดคล้องกับทรัพยากรที่สมบูรณ์ทั้งในทะเลและบนบก มิใช่อยู่ๆ จะเกิดขึ้นมาเองได้ แต่ผ่านกระบวนการต่อสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินเกิดของชาวสวนกงมาอย่างต่อเนื่อง

 

“บังนี” นายดนรอนี  ระหมันยะ ผู้ประสานงานกล่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลบ้านสวนกง ผู้ซึ่งยืนหยัดต่อสู้มาอย่างยาวนานเล่าให้ฟังว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ชาวสวนกงต้องออกไปทำมาหากินที่อื่น เพราะทะเลบ้านสวนกงไม่สมบูรณ์ เนื่องจากมีเครื่องมือ อวนลากคู่ อวนรุน อวนลากเดี่ยวก้นถ่างมาทำประมงหน้าทะเลบ้านสวนกง อวนลากคู่ กลางวันยก 3 ครั้ง กลางคืนยก 2 ครั้ง การยกแต่ละครั้งของอวนลากคู่เท่ากับชาวประมงพื้นบ้าน 20-30 ลำ ออกวางอวนจับปลา ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวส่งผลให้สัตว์น้ำ ปะการัง เครื่องมือทะประมงของชาวบ้านที่วางไว้เสียหาย ทำให้ชาวสวนกงต้องออกไปหากินที่อื่น จึงเกิดเป็นสำนวนที่ว่า “1 ครอบครัว 2 หม้อข้าว” หมายถึงครอบครัวหนึ่งต้องสร้าง 2 ครัว ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสำหรับคนที่นี่ เพราะครอบครัวไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ต้องออกไปหากินที่อื่น นอนชายทะเล ตากยุง ตากฝน ภรรยาก็ต้องไปๆ มาๆ ใกล้ไกลแล้วแต่หมู่บ้านที่ไปหากินนั้น เป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุและความปลอดภัย บางครั้งเราไปหากินจับปลา ปู กุ้ง หมึก ได้มากกว่าเจ้าของบ้านก็ถูกข่มขู่ เช่นมาหากินนานแล้ว กลับบ้านได้แล้วอย่าให้ทันมีเรื่อง บางหมู่บ้านรู้จักกันก็เคลียร์กันได้ ถ้าไม่รู้จักก็ไม่มีความสุขในการทำมาหากินแต่ด้วยความจำเป็นก็ต้องอดทน และอยู่กับความกังวลเป็นห่วงบ้านและครอบครัว  การออกไปหากินค่าใช้จ่ายก็สูงมากแต่ก็จำเป็น เวลาออกไปจับปลานอกบ้าน กลับบ้านอาทิตย์ละครั้งคือวันศุกร์เพราะต้องกลับมาละหมาดที่มัสยิด

 

จนมีการคิดกันว่าถ้าอยู่กันแบบนี้น่าไปไม่รอด ปี 2538 ชาวสวนกงเริ่มตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงมีการรวมตัวกันภายใต้ชื่อกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเลบ้านสวนกง เป้าหมายหลักคือการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทั้งในทะเลและบนบกให้สมบูรณ์

 

จากการวิเคราะห์เหตุแห่งปัญหา จึงทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาขึ้น 2 เรื่อง 1. การทำอูหยา (ปะการังเทียม, บ้านปลา) โดยใช้วัสดุในท้องถิ่นคือ ทางมะพร้าวผูกกับไม้ไผ่ผูกเชือกถ่วงกับก้อนหิน เอาไปทิ้งในทะเลไว้เป็นกองๆเพื่อให้ปลาอยู่ 2.โครงการปลูกต้นไม้ไว้ใช้สอย ต้นไม้ที่ปลูกได้แก่ ต้นตะเคียน ต้นยางนา ต้นกระถินเทพา และต้นตำเสา

 

ผลที่เกิดจากการทำอูหยา (ปะการังเทียม) ทำให้ทะเลสมบูรณ์ขึ้น สัตว์น้ำเข้ามาอาศัยในอูหยำเป็นจำนวนมาก กรมประมงได้เห็นความสำคัญของการทำปะการังเทียม จึงมีการสนับสนุนการทำปะการังเทียมในทะเลบ้านสวนกง บ้านนาเสมียนและหมู่บ้านใกล้เคียง ส่งผลให้สัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดการรวมตัวกัน เพื่อดูแลและปกป้องทะเลบ้านสวนกงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เรือลวนลาก อวนรุน มาทำประมงในทะเลหน้าสวนกงน้อยลง รวมถึงการเจรจากับทหารที่ใช้พื้นที่ทะเลหน้าบ้านสวนกงซ้อมยิงปืนใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ทำกินและมีอูหยำ (ปะการังเทียม) ของชาวบ้านอยู่ ทหารจึงหยุดยิง อีกทั้งยังนายทุนต่างถิ่นมาทำโป๊ะ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ผิดกฎหมายชาวบ้านได้ร่วมกันต่อสู้จนยกเลิกไปในที่สุด

 

โครงการปลูกต้นไม้ใช้สอย ต้นไม้อายุประมาณ 18 ปี ต้นไม้ก็โตวันโตคืนสามารถเอาไปใช้ทำบ้าน ทำโรงรถ บางคนขายเป็นรายได้ของครอบครัว รวมทั้งเป็นปอดของคนในชุมชน และยังมีผลทางอ้อมคือมีเห็ดเหม็ดขึ้นมาก คนจากนอกชุมชนเหมารถมาหาเห็ดกันอย่างสนุกสนาน กก.ละ 200-300 บาท มีผึ้งมาอาศัยอยู่จำนวนมาก และมีการขายน้ำผึ้งซึ่งเป็นรายได้เสริมให้กับคนในชุมชนบังนีเล่าด้วยความภาคภูมิใจในวิถีชีวิตของตัวเองและชุมชน...

    

กิตติภพ สุทธิสว่าง

 

 

คลิกที่รูปเพื่อ Download ไฟล์