พื้นที่ปฏิบัติการ กรณี มลพิษข้ามแดนจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา สปป.ลาว
ปลายปี พ.ศ.2558 สปป.ลาว ได้เปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง มีขนาดกำลังการผลิต 1,878 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่เมืองหงสา แขวงไชยะบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับจังหวัดน่านของประเทศไทย โรงไฟฟ้าดังกล่าวมีการทำเหมืองลิกไนต์ร่วมด้วย โครงการนี้ผลิตไฟฟ้าขายให้แก่ประเทศไทยเป็นหลัก คือ 1,473 เมกะวัตต์ โดยผ่านสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ เข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้า ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และขายไฟฟ้าให้ลาว 100 เมกะวัตต์ ผ่านสายส่งขนาด 115 กิโลโวลต์ของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ใช้เงินลงทุนเป็นรวมมูลค่ารวม 3,710 ล้าน เหรียญสหรัฐ หุ้นส่วนลงทุน คือ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (ร้อยละ 40), บริษัทบ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (ร้อย ละ 40) และบริษัท Lao Holding State Enterprise (ร้อยละ 20) ได้รับการสนับสนุนแหล่งกู้เงินจาก ธนาคาร 9 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารธนชาติและ ธนาคารทหารไทย
การผลิตไฟฟ้าโดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจะก่อให้เกิดมลพิษหลายชนิด โดยเฉพาะมลพิษทาง อากาศ อาทิ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) PAHs ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ออกไซด์ โลหะหนัก (สารหนู ตะกั่ว ฯลฯ) ปรอท เป็นต้น ซึ่งผลกระทบจากมลพิษเหล่านี้ไม่ได้มีขอบเขตจำกัดตามเส้นแบ่งพรมแดนประเทศ
พ.ศ.2561 สวรส. ได้สนับสนุนให้คณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ทำโครงการวิจัยเรื่อง การเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนในการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพชุมชนที่มีความเสี่ยงจากโครงการพัฒนาในพื่นที่ ชายแดน: กรณีผลกระทบจากโรงไฟฟ้าหงสา ในจังหวัดน่าน โดยดำเนินงานที่บ้านน้ำรีพัฒนาและน้ำช้างพัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ผลการศึกษาพบว่า ชุมชนขาดความรู้ความเข้าใจต่อการดำเนินการของโรงไฟฟ้า รวมถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ข้อห่วงกังวลที่ชุมชนให้ความสำคัญมากที่สุดคือ ผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร รองลงมาคือผลกระทบต่อสุขภาพ จึงต้องการให้เตรียมความพร้อมชุมชนเพื่อรับมือกับความเสี่ยงและให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเก็บข้อมูลพื้นฐานด้านต่างๆ อาทิ การตรวจคุณภาพน้ำในลำห้วยน้ำรี ลำห้วยน้ำช้าง ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักของชุมชน ดิน ผลผลิตทางการเกษตร อากาศ สำหรับมิติด้านกฎหมายพบว่า กฎหมายภายในทั้งของประเทศไทยและสปป.ลาว ไม่มีการกล่าวถึงการจัดการมลพิษข้ามพรมแดน
ดาวน์โหลดรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้ที่นี่
เมษายน 2561 - พฤษภาคม 2562 โปรแกรมพัฒนาผู้นำเพื่อความเป็นธรรมด้านสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิ China Medical Board ได้สนับสนุนโครงการ Community-led impact monitoring from coal-fired power plan เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับชุมชนในการเก็บข้อมูลเฝ้าระวังความเสี่ยง กรณี ผลกระทบข้ามพรมแดนจากโรงไฟฟ้าหงสา มีการกำหนดกรอบตัวชี้วัดการเฝ้าระวังฯ สอนให้ชาวบ้านรู้จักการใช้เครื่องมืออย่างง่ายในการตรวจวัดซัลเฟอร์ออกไซด์ในอากาศ การวัดค่าความเป็น กรด-ด่างของน้ำ การติดตั้งเครื่องวัดคุณภาพอากาศ ซึ่งเป็นการวัดแบบเรียลไทม์เชื่อมกับฐานข้อมูลออนไลน์ของ ม.เชียงใหม่และทดลองให้ชาวบ้านบันทึกข้อมูลลงในแอฟฟิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ
ผลลัพธ์จากการดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้น ทำให้ สวรส. สนับสนุนชุดโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การพัฒนาระบบเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน กรณี มลพิษข้ามแดนจากโรงไฟฟ้าหงสา ซึ่ง เป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบข้ามศาสตร์ ทำงานบนหลักการมีส่วนร่วมและหลักการป้องกันไว้ก่อน (Precautionary principle) กล่าวคือพิจารณาจากความเสี่ยงโดยไม่ต้องรอให้พบผู้มีปัญหาสุขภาพหรือผู้ป่วย
กรอบแนวคิดการเฝ้าระวัง สนใจการเปลี่ยนแปลงปัจจัยกำหนดสุขภาพ โดยเฉพาะปัจจัยทางสังคม (Social Determinant of Health-SDH) อาทิ ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อภาคเกษตร อันเป็นรายได้หลักของคนท้องถิ่นและการปนเปื้อนมลพิษในระบบนิเวศ ตลอดจนห่วงโซ่อาหาร ที่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์และเด็กเล็ก นอกจากนี้ยังใช้แนวคิดการสร้างความรู้ร่วมกัน (co-production of knowledge) ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ (Expert Knowledge) และชุมชน (Lay Knowledge) รวมถึงแนวคิดวิทยาศาสตร์ภาคพลเมือง (citizen science) แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะที่หนึ่ง (กันยายน 2564 - กันยายน 2566)
เพื่อตอบคำถาม 3 ข้อ คือ
1. มีตัวชี้วัดและเครื่องมืออะไรบ้างที่ชุมชนสามารถใช้ในการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน
2. อะไรคือเครื่องมือและกลไกที่เหมาะสมสำหรับชุมชนในการสื่อสารความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งระหว่างคนในชุมชน ระหว่างชุมชนกับผู้มีส่วนได้เสียและชุมชนกับสาธารณะ
3. โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา สปป.ลาว มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อชุมชนในประเทศไทยอย่างไร และอะไรคือกลไกระหว่างประเทศที่ผู้มีส่วนได้เสียสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและร่วมตัดสินใจในการออกมาตรการ กำกับดูแล และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบข้ามพรมแดน ประกอบไปด้วย 5 โครงการ ได้แก่
3.1 การใช้ดัชนีบ่งชี้ทางเคมีและชีวภาพเพื่อติดตามตรวจสอบมลพิษทางอากาศและการพัฒนาเครื่องมือสําหรับชุมชนในการเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ อําเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน โดย ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ ม.เชียงใหม่
ดาวน์โหลดงานวิจัยบับสมบูรณ์ได้ที่นี่
3.2 การจัดทำแผนที่ความเสี่ยง การติดตามการปนเปื้อนและประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตของชุมชน จากมลพิษทางอากาศจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ตกสะสมในสิ่งแวดล้อม โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้ที่นี่
3.3 การพัฒนาและใช้ระบบข้อมูลเฝ้าระวังชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการรับมือกับปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้ที่นี่
3.4 การพัฒนาเครื่องมือและช่องทางการสื่อสารแบบดิจิทัลบนแพลตฟอร์มโมบาย แอปพลิเคชันเพื่อการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน กรณี มลพิษข้าม พรมแดนจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาใน สปป.ลาว โดย สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วม สาธารณะ องค์การกระจายเสียง และแพร่ ภาพสาธารณะแห่ง ประเทศไทย (ส.ส.ท.)
ดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้ที่นี่
3.5 การพัฒนาระบบเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน จังหวัดน่าน ประเทศไทย กรณี มลพิษข้ามพรมแดนจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา ประเทศลาว โดย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.)
ดาวน์โหลดงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ได้ที่นี่
ระยะที่สอง (ตุลาคม 2566 – กุมภาพันธ์ 2568)
มุ่งเน้นการ สร้าง Active Citizen และพัฒนาให้เป็น Active System โดยเชื่อมเข้าสู่ระบบงานปกติของหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย 4 โครงการ ได้แก่
- การติดตามตรวจสอบมลพิษทางอากาศในฝุ่นพีเอ็ม 2.5 และหาปริมาณตัวบ่งชี้ต่อการรับสัมผัสสารก่อมะเร็งเพื่อการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังความเสี่ยงต่อสุขภาพ ในพื้นที่อำเภอทุ่งช้างและ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน โดย ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาตร์ ม.เชียงใหม่
- การสาธิตการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสิ่งแวดล้อม ปฏิบัติการภาคประชาชนเพื่อจัดการความเสี่ยงของประชาชนกลุ่มเปราะบาง จังหวัดน่าน จากการตกสะสมของก๊าซกรดและปรอท ข้ามพรมแดนจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.นเรศวร
- การพัฒนาประสิทธิภาพและขยายผลการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล C-site และวิทยาศาสตร์ภาคพลเมืองเพื่อการเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโดยชุมชน: กรณีมลพิษข้ามพรมแดน จากโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาใน สปป.ลาว โดย สำนักเครือข่ายและการมีส่วนร่วมสาธารณะ TPBS
- การใช้ฐานข้อมูลเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชนในการ สื่อสารความเสี่ยงเพื่อปกป้องกลุ่มเปราะบางจากมลพิษข้ามแดน กรณี โรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา สปป.ลาว โดยสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วีดีโอคลิป
-
พิษของปรอท การป้องกันสำหรับหญิงตั้งครรภ์ (เสียงบรรยายภาษาไทย)
-
พิษของปรอท การป้องกันสำหรับหญิงตั้งครรภ์ (เสียงบรรยายภาษาลัวะ)
-
นักวิทยาศาสตร์พลเมืองกับการเฝ้าระวังผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
-
รายงานสรุปเสวนาวิชาการ จากอนุสัญญามินามาตะ สู่การควบคุมปรอทในประเทศไทย
-
สรุปเสวนาวิชาการ เรื่อง "การเฝ้าระวังและป้องกันมลพิษปรอทต่อสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์และเด็กในพื้นที่เสี่ยง" ภายใต้ชุดโครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาระบบเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชนกรณีมลพิษข้ามแดนจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา สปป.ลาว วันที่ 17 มิถุนายน 2561
-
คู่มือนักวิทยาศาสตร์ชุมชน พลเมืองดิจิตอล เพื่อการเฝ้าระวัง “มลพิษข้ามพรมแดน” มหาวิทยาลัยนเรศวร